การพลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปี
ตามนโยบายเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่อเรียนจบ ป.1
ต้องอ่านออก เขียนได้ กับการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน Brain-based
Learning (BBL)
ในรูปแบบของกุญแจ 5
ดอก Roadmap สู่การพลิกโฉมโรงเรียนกุญแจดอกที่ 1 สนามเด็กเล่น (Playground)
เปลี่ยนสนามเด็กเล่น เพื่อพัฒนาสมองน้อย และไขสันหลังให้แข็งแกร่ง
ถ้าเด็กได้ออกกำลัง
กายร่างกายจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น
ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Make จัดทำสนามที่มีฐานหลากหลาย ให้เด็กได้วิ่ง ปีน โหน ลอด กระโดด ฯลฯ และมีวัสดุกันกระแทก
Move จัดเวลาให้เด็กได้เล่นสนามวันละ 15-20 นาทีทุกวันโดยมีคุณครูคอยดูแล
สนามเด็กเล่น : Playground
1. มีฐานเคลื่อนไหวที่หลากหลาย
2. เด็กทุกคนต้องได้เคลื่อนไหวโดยใช้เวลาต่อเนื่องกันอย่างน้อย
15-20นาทีต่อวัน
3. มีคุณครูคอยดูแลความปลอดภัยในการเล่น
4. ตรวจสอบความปลอดภัยของสนามอย่างสม่ำเสมอ
กุญแจดอกที่ 2 ห้องเรียนเปลี่ยนสมอง (Classroom)
เปลี่ยนห้องเรียน เพื่อเปลี่ยนสมองของเด็ก สิ่งแวดล้อมที่แปลกใหม่
มีความเข้มข้น มีสีสันช่วยกระตุ้นให้เด็กสามารถเรียนรู้และจดจำเนื้อหาที่เรียนได้ดีขึ้น
Color ปรับปรุงห้องเรียน ทาสีผนัง หรือนำฟิวเจอร์บอร์ดสีมาติดผนัง
และทาสีโต๊ะเก้าอี้
Corner จัดมุมอ่านไว้ในห้องเรียนทุกห้อง
Clean ทิ้งของที่ไม่ใช้ในห้องเรียน จัดวางอุปกรณ์และสื่อต่าง
ๆ ไว้บนชั้นให้เป็นระเบียบ
Clear รื้อบอร์ดเก่าที่ไม่มีประโยชน์ทิ้งไป แล้วนำความรู้ที่มีประโยชน์มาจัดบอร์ด
กุญแจดอกที่ 3 พลิกกระบวนการเรียนรู้แบบ BBL
(Teaching & Learning )
ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ โดยเข้าใจสมองของนักเรียน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่กระตุ้นสมองน้อย สมองสองซีก และสมองทั้งสี่ส่วน เพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพสูงสุด
One กระตุ้นสมองน้อย ด้วยกิจกรรม “ขยับกายขยายสมอง”
ทุกๆ ต้นชั่วโมง
Two กระตุ้นสมองทั้งสองซีก โดยใช้บทเพลงและบทกลอน และกิจกรรมที่สนุกสนาน ช่วยในการสอนภาษาและคณิตศาสตร์
Four กระตุ้นสมองทั้งสี่ส่วน โดยจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้เห็นภาพ ได้ยินเสียง ได้เคลื่อนไหวและได้สัมผัส
กระบวนการเรียนรู้แบบ BBL (Brain-based Learning) มีกระบวนการ
ขั้น 1 อุ่นเครื่อง (Warm – up)
ขั้น 2 นำเสนอความรู้
(Present)
ขั้น 3 ขั้นลงมือเรียนรู้
– ฝึกทำ – ฝึกฝน (Learn – Prasent)
ขั้น 4 ขั้นสรุปความรู้
(Summary)
ขั้น 5 ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้
(Apply)
ใช้หนังสือและใบงาน ที่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับการทำงานของสมอง
เพื่อช่วยกระตุ้นสมองของนักเรียน ฝึกให้เด็กคิดทีละขั้นตอน และนำทักษะและความรู้ในแต่ละขั้น
มาประกอบกันเป็นความเข้าใจ (concept) ในที่สุด
Brainy Books จัดหาหนังสือเรียน และหนังสืออ่านที่ส่งเสริมทักษะการคิด
Brainy Worksheets จัดทำใบงานตามหลักการ
BBL ที่มี roadmap นำสู่ความสำเร็จ
กุญแจดอกที่ 5 สื่อและนวัตกรรมการเรียนรู้ BBL (Innovations)
ใช้สื่อและนวัตกรรมที่แปลกใหม่
น่าตื่นเต้น และมีสีสัน และมีจำนวนเพียงพอสำหรับนักเรียนทุกคน
เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยในการเรียนรู้ และกระตุ้นให้เด็กรู้สึกสนุกสนาน พึงพอใจ เกิดความตั้งใจที่จะเรียนรู้เนื้อหาที่ซับซ้อน
Learning Tools จัดหาสื่อและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมการเรียนรู้
Learning Board จัดหากระดานเคลื่อนที่ สำหรับห้องเรียนชั้นอนุบาลและประถมทุกห้อง
Learning Cards จัดหาบัตรภาพ บัตรคำ เพื่อใช้ประกอบการสอน
ทฤษฎี Brain-based
Learning (BBL) กระบวนการเรียนรู้
1.ทฤษฎี Brain-based
Learning 1 สอนโดยใช้บทกลอน บทเพลงและจังหวะอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองซีกขวา
1.เคลื่อนไหวร่างกาย
Braim Gym เคลื่อนไหวประกอบบทกลอน บทเพลง ใช้ร่างกายเคลื่อนไหวประกอบให้เป็นจังหวะ
และอีกวิธี cup song
2. สอนอ่านจากชาร์ต อ่านเป็นคำ อ่านตามครู
อ่านเอง
3. สอนอ่านสะกดคำจากบัตรตัวอักษร
อ่านเอง
4. ทำใบงาน
BBL
สอนการอ่านโดย อ่านเป็นคำ + อ่านสะกดคำ เรียกว่า
สมดุลภาษา
2.ทฤษฎี Brain-based
Learning 2
นำเนื้อหาที่จะสอนมาดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งให้เป็นเกม
หรือกิจกรรมที่สนุก เพื่อกระตุ้นการหลั่งของสาร โดปามีน(สารแห่งความสุข)
3.ทฤษฎี Brain-based
Learning 3 สร้างนั่งร้าน
เพื่อให้สมองเรียนรู้ทีละขั้นจนกว่าถึงเป้าหมาย
4.ทฤษฎี Brain-based
Learning 4 นำ Graphic Organizer มาใช้ในกระบวนการเรียนรู้
เพื่อให้สมองเรียนรู้ง่ายลงไม่แบกภาระหนักโดยไม่จำเป็น
5.ทฤษฎี Brain-based
Learning 5
เลือกสรรสื่อกระตุ้นการคิด เข้ามาใช้ในกิจกรรมการเรียนและการฝึก
เพื่อกระตุ้นให้สมองเกิดความรู้สึกแปลกใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น