วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

การอบรมการพลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปี


การพลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปี 
ตามนโยบายเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่อเรียนจบ ป.1 ต้องอ่านออก เขียนได้ กับการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน Brain-based Learning (BBL) ในรูปแบบของกุญแจ 5 ดอก Roadmap สู่การพลิกโฉมโรงเรียน

กุญแจดอกที่ 1  สนามเด็กเล่น (Playground)
    เปลี่ยนสนามเด็กเล่น เพื่อพัฒนาสมองน้อย และไขสันหลังให้แข็งแกร่ง ถ้าเด็กได้ออกกำลัง
กายร่างกายจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Make จัดทำสนามที่มีฐานหลากหลาย ให้เด็กได้วิ่ง ปีน โหน ลอด กระโดด ฯลฯ และมีวัสดุกันกระแทก
Move จัดเวลาให้เด็กได้เล่นสนามวันละ 15-20 นาทีทุกวันโดยมีคุณครูคอยดูแล
    สนามเด็กเล่น : Playground
             1. มีฐานเคลื่อนไหวที่หลากหลาย
             2. เด็กทุกคนต้องได้เคลื่อนไหวโดยใช้เวลาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 15-20นาทีต่อวัน
             3. มีคุณครูคอยดูแลความปลอดภัยในการเล่น
             4. ตรวจสอบความปลอดภัยของสนามอย่างสม่ำเสมอ



กุญแจดอกที่ 2  ห้องเรียนเปลี่ยนสมอง (Classroom)
               ปลี่ยนห้องเรียน เพื่อเปลี่ยนสมองของเด็ก สิ่งแวดล้อมที่แปลกใหม่ มีความเข้มข้น มีสีสันช่วยกระตุ้นให้เด็กสามารถเรียนรู้และจดจำเนื้อหาที่เรียนได้ดีขึ้น
              Color   ปรับปรุงห้องเรียน ทาสีผนัง หรือนำฟิวเจอร์บอร์ดสีมาติดผนัง และทาสีโต๊ะเก้าอี้
     Corner จัดมุมอ่านไว้ในห้องเรียนทุกห้อง
     Clean   ทิ้งของที่ไม่ใช้ในห้องเรียน จัดวางอุปกรณ์และสื่อต่าง ๆ ไว้บนชั้นให้เป็นระเบียบ
     Clear    รื้อบอร์ดเก่าที่ไม่มีประโยชน์ทิ้งไป แล้วนำความรู้ที่มีประโยชน์มาจัดบอร์ด








กุญแจดอกที่ 3  พลิกกระบวนการเรียนรู้แบบ BBL (Teaching & Learning )
    ออกแบบกระบวนการเรียนรู้  โดยเข้าใจสมองของนักเรียน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่กระตุ้นสมองน้อย สมองสองซีก และสมองทั้งสี่ส่วน เพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพสูงสุด
    One กระตุ้นสมองน้อย ด้วยกิจกรรมขยับกายขยายสมองทุกๆ ต้นชั่วโมง
    Two กระตุ้นสมองทั้งสองซีก โดยใช้บทเพลงและบทกลอน และกิจกรรมที่สนุกสนาน ช่วยในการสอนภาษาและคณิตศาสตร์
    Four กระตุ้นสมองทั้งสี่ส่วน โดยจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้เห็นภาพ ได้ยินเสียง ได้เคลื่อนไหวและได้สัมผัส
             กระบวนการเรียนรู้แบบ BBL (Brain-based Learning) มีกระบวนการ
             ขั้น 1 อุ่นเครื่อง  (Warm – up)
             ขั้น 2 นำเสนอความรู้ (Present)
             ขั้น 3 ขั้นลงมือเรียนรู้ – ฝึกทำ – ฝึกฝน (Learn – Prasent)
             ขั้น 4 ขั้นสรุปความรู้ (Summary)
             ขั้น 5 ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ (Apply)



กุญแจดอกที่ 4  หนังสือเรียนและใบงาน BBL (BBL Books)
    ใช้หนังสือและใบงาน ที่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับการทำงานของสมอง เพื่อช่วยกระตุ้นสมองของนักเรียน ฝึกให้เด็กคิดทีละขั้นตอน และนำทักษะและความรู้ในแต่ละขั้น มาประกอบกันเป็นความเข้าใจ (concept) ในที่สุด
    Brainy Books จัดหาหนังสือเรียน และหนังสืออ่านที่ส่งเสริมทักษะการคิด
    Brainy Worksheets จัดทำใบงานตามหลักการ BBL ที่มี roadmap นำสู่ความสำเร็จ


 
กุญแจดอกที่ 5  สื่อและนวัตกรรมการเรียนรู้ BBL (Innovations)

    ใช้สื่อและนวัตกรรมที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น และมีสีสัน และมีจำนวนเพียงพอสำหรับนักเรียนทุกคน เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยในการเรียนรู้ และกระตุ้นให้เด็กรู้สึกสนุกสนาน พึงพอใจ เกิดความตั้งใจที่จะเรียนรู้เนื้อหาที่ซับซ้อน

    Learning Tools จัดหาสื่อและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมการเรียนรู้

    Learning Board จัดหากระดานเคลื่อนที่ สำหรับห้องเรียนชั้นอนุบาลและประถมทุกห้อง

    Learning Cards จัดหาบัตรภาพ บัตรคำ เพื่อใช้ประกอบการสอน

      
                   ทฤษฎี Brain-based Learning (BBL) กระบวนการเรียนรู้
 1.ทฤษฎี Brain-based Learning 1 สอนโดยใช้บทกลอน บทเพลงและจังหวะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองซีกขวา
         1.เคลื่อนไหวร่างกาย Braim Gym เคลื่อนไหวประกอบบทกลอน บทเพลง ใช้ร่างกายเคลื่อนไหวประกอบให้เป็นจังหวะ และอีกวิธี cup song
          2. สอนอ่านจากชาร์ต อ่านเป็นคำ อ่านตามครู อ่านเอง
          3. สอนอ่านสะกดคำจากบัตรตัวอักษร อ่านเอง
          4. ทำใบงาน
          BBL สอนการอ่านโดย อ่านเป็นคำ + อ่านสะกดคำ เรียกว่า สมดุลภาษา
 2.ทฤษฎี Brain-based Learning 2 นำเนื้อหาที่จะสอนมาดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งให้เป็นเกม หรือกิจกรรมที่สนุก เพื่อกระตุ้นการหลั่งของสาร โดปามีน(สารแห่งความสุข)
 3.ทฤษฎี Brain-based Learning 3 สร้างนั่งร้าน เพื่อให้สมองเรียนรู้ทีละขั้นจนกว่าถึงเป้าหมาย
 4.ทฤษฎี Brain-based Learning 4 นำ Graphic Organizer มาใช้ในกระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้สมองเรียนรู้ง่ายลงไม่แบกภาระหนักโดยไม่จำเป็น
 5.ทฤษฎี Brain-based Learning 5 เลือกสรรสื่อกระตุ้นการคิด เข้ามาใช้ในกิจกรรมการเรียนและการฝึก เพื่อกระตุ้นให้สมองเกิดความรู้สึกแปลกใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น